การไม่มีเป้าหมาย เปรียบเสมือน “การเดินหน้าอย่างไร้ทิศทาง ถึงแม้ว่าเราจะวิ่งจนสุดแรงเหยียบสุดคันเร่งถ้าไม่มีเป้าหมายแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” นึกขึ้นได้อีกทีอาจจะสวนทางกับเป้าหมายที่คิดได้ในตอนนั้น และอาจจะเสียเวลาไปมากแล้ว ดังนั้น การตั้งเป้าหมายก่อนที่จะทำอะไร เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญมากในการที่จะทำอะไร เพราะ มันจะเป็นเข็มทิศ นำทางให้เราเดินไปตามทางออกสู่จุดที่เราตั้งเป้าหมายไว้
เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย แล้วจะสำเร็จ ?
คือการตั้งเป้าหมาย ทุกคนลองหลับตาแล้วจินตนาการว่า เราทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้ว เราผ่านสิ่งที่คิดมาแล้ว จากนั้นลืมตาขึ้นแล้วมองย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน จากนั้นตั้งใจทำความฝันหรือเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ ไม่ว่าฝันจะเล็กหรือใหญ่ ระยะเวลายาวนานหรือระยะสั้น อุปสรรคจะยากแค่ไหน ความทุกข์เยอะ ปัญหารุมเร้ามากแค่ไหน ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แค่ระลึกเสมอว่า สุดท้ายเราก็จะทำมันสำเร็จอย่างแน่นอน
เมื่อเรามองย้อนกลับมาจากเป้าหมาย ตอนนี้เราอยู่ที่จุดเริ่มต้นที่กำลังจะก้าวเดินตามเป้าหมาย อย่างแรกที่เราจะทำคือ “ปรับตัวให้เข้าหาเป้าหมาย” อย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างแรกที่เราจะทำคือการอบอุ่นร่างกาย เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้เข้ากับการออกกำลังกาย จะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ทำด้วย เช่น การปรับสภาพร่างกายเพื่อให้วิ่งแข่งขันระยะ 100 เมตร กับการปรับสภาพร่างกายเพื่อให้วิ่งมาราธอน เมื่อเป้าหมายที่ต่างกันแล้ว การเตรียมความพร้อมหรือปรับตัวเข้าหาเป้าหมายก็ต่างกันด้วย ถ้าการปรับเข้าหาเป้าหมายโดยที่ไม่ตระหนักถึงเป้าหมายอาจจะทำให้เป้าหมายไม่ตรงกับที่ตั้งไว้แต่แรก
“วิริยะ คือทางแห่งชัยชนะ” ความขยันอดทน มุ่งมานะจะนำมาซึ่งความสำเร็จ เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วนี่แหละจะเป็นทางแยกที่จะทำให้เราต้องเลือกว่าจะเดินต่อไป หรือจะถอดใจ มีแต่คนที่ไม่ถอดใจเท่านั้นแหละที่จะทะยานสู่เป้าหมายได้ ตอนที่เราสู้กัดฟันอดทนสู้อีกซักนิด ทำอย่างงี้ซ้ำๆ จะเกิดพลังแห่งความอดทนมุ่งมานะ และมันจะเป็นพลังที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายมันก็จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน
มาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านหัวข้อ เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย แล้วจะสำเร็จ คงจะมีแรงบันดาลใจไปทำในความฝัน หรือเป้าตั้งไว้ดึงพลังออกมาจากตัวเอง พลังที่ซ่อยอยู่ในตัวทุกคนมีอยู่แล้ว จุดไฟให้ความฝัน อย่าจุดไฟเผาตัวเองก็เป็นพอ
การคิดเริ่มต้นจากเป้าหมาย ไม่ใช่วิธีการที่พึ่งมี แต่มีมานานแล้วซึ่งในแวดวงกีฬานิยมใช้กันเป็นอย่างมาก และมันได้ผลจริงๆด้วย ยกตัวอย่างที่ญี่ปุ่น การตีเบสบอล เวลาเราจะตีโฮมรัน คนที่ถือไม้เบสบอลจะตีลูก หลับตา แล้วนึกถึงเป้าหมายว่า ลูกเบสบอลจะลอยออกไปนอกสนาม แล้วมองย้อนกลับมาที่มือที่ถือไม้เบสบอลตั้งท่าอยู่ ในขณะที่ลูกเบสบอลก็กำลังถูกปล่อยออกจากมือคนขว้าง และเขาก็ตีโฮมรัน ลูกเบสบอลลอยออกจากนอกสนามอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดเลย
ดังนั้นการตั้งเป้าหมาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังที่ได้ยินคำบอกเล่าต่อกันมาว่า “ตั้งเป้าหมาย ทุกการเดินทาง”