ปัจจุบันมีตะเกียบจักรยานออกมาให้เลือกใช้กันหลายรุ่น หลายแบรนด์ แต่ส่วนสำคัญในการเลือกใช้ ที่ผมจะเล่าให้ฟังวันนี้คือ ค่าออฟเซ็ต (Fork Offset) มีหลายคนที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับค่า ออฟเซ็ต ของตะเกียบ BMX ว่ามีความสำคัญอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับจักรยาน BMX ของเรา วันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง
เริ่มจากวิธีการวัดค่าของ ออฟเซ็ต ตะเกียบ (offset bmx fork measured)
การวัดค่า ออฟเซ็ตของตะเกียบ BMX จะวัดจากกึ่งกลางระหว่าง แกนกลางตะเกียบ ถึงระยะแกนดุมล้อหน้า ใช้หน่วยเป็น มิลลิเมตร (mm) ตามมาตรฐานสากล
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง ออฟเซ็ตตะเกียบจักรยาน BMX?
Offset ตะเกียบจักรยาน BMX แบ่งได้หลักๆ 4 แบบ คือ
1.ออฟเซ็ต 0 องศา (Zero Offset)
ตะเกียบจักรยานที่มีแกนยึดดุมแนวเดียวกันกับระนาบของตะเกียบ ไม่มีระยะยื่นออกมาเลย หรือ 0 องศานั่นเอง ตะเกียบ 0 องศานิยมมากในจักรยาน BMX ประเภทแฟลตเลน (BMX FLATLAND) ซึ่งเหมาะสำหรับ BMX ประเภทนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากทำให้การเคลื่อนไหวของล้อหน้ามีความเร็วมาก ตอบสนองต่อแฮนด์ได้รวดเร็ว ซึ่งการเล่นท่าของ BMX FLATLAND มีความจำเป็นต้องใช้ความรวดเร็วในการเปลี่ยนท่า ดังนั้น ตะเกียบ 0 องศา จึงเป็นที่นิยมใน BMX FLATLAND
2.ออฟเซ็ต 15-20 mm.
ตะเกียบที่มีออฟเซ็ต ประมาณ 15-20 mm. เหมาะสำหรับนักปั่นที่ชอบ ใช้ท่าล้อหน้าบ่อยๆ เช่น ท่า Nose Manual เนื่องจากตอบสนองกับแฮนด์ BMX ได้ดี ทำให้การหมุนแฮนด์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ ระยะของจักรยานโดยรวมสั้นลง ทำให้เล่นท่าหมุนๆ ได้ง่าย เช่น 360, 180 บาร์สปิน และท่าอื่นๆ ที่ต้องการความไวในการหมุน
3.ออฟเซ็ต 25-28 mm.
ตะเกียบที่มีออฟเซ็ต ประมาณ 25-28 mm. ถือว่าเป็นตะเกียบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย นักปั่นปลายคนชอบใช้ตะเกียบ ออฟเซ็ต ในช่วงระยะนี้ เพราะว่าจะทำให้ จักรยาน BMX มีความบาลานซ์ ทรงตัวได้ดี ล้อหน้าไม่เลี้ยวเร็วจนเกินไป สายสตรีทชอบใช้กันเป็นอย่างมาก
4.ออฟเซ็ต 30 mm ขึ้นไป
ตะเกียบที่มีออฟเซ็ต ระยะ 30 mm ขึ้นไปนั้น ส่วนมากจะพบในจักรยานทรงวิบากเช่น BMX Dirt เพราะการใช้ตะเกียบที่ ออฟเซ็ตที่ 30 ขึ้นไปนั้น จะทำให้การปั่นมีความนุ่มนวลมากขึ้น เมื่อปั่นใน Bowl หรือทางวิบาก โดดเนินดิน มันทำให้รถไม่เสียอาการเวลาปั่น ให้มีความบาลานซ์ เพิ่มความสเถียรมากขึ้น
ดังนั้นเราควรเลือกใช้ตะเกียบ BMX ให้เหมาะสมกับการปั่นของเรา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการปั่น BMX